อาหารเสริมมันจำเป็นจริงหรือ



1. ทำไมต้องมีอาหารเสริม ?
ทั้งที่วงการแพทย์เจริญขึ้น การคิดค้นยาและการผ่าตัดก็ก้าวหน้า มีการผ่าตัดทำศัลยกรรม ต่อเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจ เปลี่ยนหัวใจ เปลี่ยนอวัยวะ เช่น ตับ ไต ได้สำเร็จ ทำให้ชีวิตคนยืนยาวขึ้น มีการผลิตเครื่องมือเพื่อช่วยวินิจฉัยโรค เช่น การตรวจเลือด การตรวจสอบอวัยวะภายใน โดยใช้เครื่องมือส่องเข้าไปดู แต่ผลกลับกลายเป็นว่า โรคที่ตรวจพบหลายชนิดนั้น ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

ความเจริญทางวิชาการทำให้เราพบโรคใหม่มากขึ้น และเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดไม่ได้ และบางชนิดก็เป็นโรคเรื้อรังต้องกินยาระงับอาการอยู่ตลอดเวลา เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคปวดข้อ ข้อเสื่อม โรคหัวใจ โรคไตวาย รวมทั้งโรคร้ายแรง มะเร็ง
เมื่อเป็นเช่นนี้แพทย์แผนปัจจุบัน และนักวิทยาศาสตร์หลายคน เริ่มคิดค้นถึงการทำงานของร่างกายลึกเข้าไปถึงภายในเซลล์ต่างๆ เริ่มคิดถึงการกินอาหารไม่เพียงพอ คิดถึงผลของสารพิษต่อเซลล์ในร่างกาย ที่ทำให้การทำงานภายในเซลล์บกพร่อง อันเป็นสาเหตุที่ยาในปัจจุบันไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ เพราะยาที่รักษาไม่ได้มุ่งแก้ไขการผิดปกติภายในของเซลล์

เหตุนี้จึงมีแพทย์หรือผู้รักษาทางเลือก ( Alternative Medicine ) ขึ้นมา มีการแนะนำการรักษาด้วยสมุนไพร และอื่นๆ เช่น การฝังเข็ม การนวด การกดจุด ฯลฯ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีแพทย์แผนปัจจุบันเป็นจำนวนไม่น้อยหันมารักษาคนไข้ โดยการแนะนำลักษณะการกินอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย และให้กินอาหารเสริมและวิตามิน เพื่อประโยชน์ในการรักษาโรคบางชนิด โดยมีจุดประสงค์จะช่วยให้เซลล์ที่เปลี่ยนสภาพการทำงาน เนื่องจากขาดสารอาหาร มีการซ่อมตนเองโดยวิธีธรรมชาติ ทำให้เซลล์ปรับเปลี่ยนสภาพ กลับมาทำงานเหมือนปกติมีผลทำให้อาการของโรคหายไป
2. รู้จักกับอาหารเสริมสุขภาพ
อาหารเสริมไม่ใช่ยา ดังนั้นต้องใช้เวลา และกินเป็นประจำอยู่ระยะเวลาหนึ่ง จึงจะเห็นผลว่าเซลล์ในร่างกายได้มีการปรับสภาพ และทำงานได้ตามปกติ

วิตามินเป็นได้ทั้งอาหารเสริมและยา วิตามินมีมากับอาหารที่เรากินทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ปลา หรือผักตามธรรมชาติ ถ้ากินตามปริมาณที่พอเหมาะ วิตามินทำสำเร็จรูปเป็นอาหารเสริมก็จัดได้ว่าเป็นอาหาร เมื่อกินวิตามินเป็นจำนวนมากขึ้น เพื่อจุดประสงค์ในการรักษาโรคจากการขาดวิตามิน หรือเพื่อรักษาโรคบางชนิด ก็นับว่าเป็นยา


3. ระบบในร่างกายกับความจำเป็นของอาหารเสริม
มีการกำหนดปริมาณมาตรฐานของวิตามินเกลือแร่ เพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับประชาชน ในการที่จะกินวิตามินและเกลือแร่ แต่ละชนิดว่าเป็นจำนวนเท่าใด ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ซึ่งมีชื่อย่อว่า RDA (Recommended Daily Dietary Allowances) เพื่อให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของเด็ก และป้องกันการขาดวิตามินในผู้ใหญ่ ความหมายก็คือถ้าเด็กได้รับสารวิตามินหรือเกลือแร่น้อยกว่าจำนวนมาตรฐานนี้ ระยะหนึ่ง จะทำให้เกิดโรคจากการขาดสารวิตามินชนิดนั้น
จากความเข้าใจอันนี้ จึงมีการผลิตวิตามินบำรุงในรูปของวิตามินรวม และวิตามินผสมเกลือแร่ จำหน่ายในท้องตลาด จุดประสงค์เพื่อให้คนได้รับวิตามินอย่างเพียงพอ และครบถ้วนในแต่ละวัน โดยเฉพาะคนป่วยและผู้สูงอายุที่กินอาหารได้ไม่เพียงพอ

การเสื่อมสภาพของเซลล์ นอกจากสาเหตุจากการเสื่อมโดยธรรมชาติแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ถูกค้นพบได้ไม่นานนี้ คือ การเกิดอนุมูลอิสระภายใน และนอกเซลล์ที่ จะเป็นตัวทำลายเซลล์ สาเหตุมาจาก สารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย และจากการสันดาปภายในเซลล์เอง การเกิดอนุมูลอิสระจะทำให้เกิดการทำลายผนังเซลล์ มีการทำลาย DNA และโครโมโซม ซึ่งเซลล์จะต้องมีการซ่อมแซม ถ้าซ่อมไม่ได้เซลล์นั้นก็ตาย ความรู้เรื่องอนุมูลอิสระอันนี้ ได้มีการค้นคว้ากันต่อเนื่องตลอดมา เพื่อหาวิธีป้องกัน กำจัด และซ่อมแซมการสึกหรอของ DNA และยีนให้เป็นปกติ เพื่อเป็นหนทางให้ชีวิตยืนยาวขึ้น เรียกว่า ชะลอความแก่ พบว่ามีสารเคมีหลายชนิด สร้างขึ้นโดยธรรมชาติตลอดเวลาภายในเซลล์ เพื่อเป็นตัวยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องของอนุมูลอิสระ ทำให้สามารถป้องกันและช่วยซ่อมแซมผนังเซลล์และ DNA จึงมีการแนะนำให้กินวิตามินและเกลือแร่บางชนิด เพื่อจุดประสงค์ที่จะนำมาช่วยให้ร่างกายลดการเกิดอนุมูลอิสระ เช่น เบต้าแคโรทีน , วิตามินอี , วิตามินซี , และสารแร่เซเลเนียม เป็นต้น

4. การกินอาหารเสริมมีความจำเป็นหรือไม่ ?
นักวิชาการออกมาพูดเสมอว่า การกินอาหารเสริมไม่จำเป็นถ้าเรากินอาหารครบ 5 หมู่ แต่กินอย่างไรจะครบในชีวิตประจำวัน ไม่ได้อธิบายว่า การกินอาหารแบบชีวิตเร่งรีบนั้น ควรจะทำอย่างไร และเป็นในรูปแบบใด ชีวิตปัจจุบันมีอาหารจานด่วน มีการกินอาหารห่อถุงพลาสติก และมีการกินอาหารแบบประทังหิวเสียเป็นส่วนมาก และสิทธิการเลือกอาหารก็ลำบาก ถ้าปฏิบัติแบบนี้นานวันเข้า จะเกิดอาการของเซลล์ขาดสารอาหาร และมีการแสดงของโรคในวัยที่มีอายุน้อย รวมทั้งการเกิดมะเร็งด้วย การกินวิตามินและสารอาหารบางอย่าง เพื่อช่วยสร้างความสมดุลให้แก่ชีวิตจึงมีความจำเป็น การกินอาหารเสริมที่มีวิตามินอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำ นอกจากจะมีส่วนช่วยให้อายุยืนยาวขึ้นแล้ว โอกาสการเกิดโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ ระหว่างอายุวัย 40-50 ปี เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคปวดข้อ และอื่นๆจะไม่เกิดขึ้น

ในอนาคตนี้ การรักษาโรคจะต้องมีการรักษาเข้าไปถึง DNA ในเซลล์ เพื่อจะแก้ไขการทำงาน และจะมีความรู้ก้าวหน้ามากขึ้น ที่จะรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของ DNA ในเซลล์ระยะแรก และรีบแก้ไขก่อนเกิดอาการโรค ซึ่งเราเรียกว่า Predictive Medicine และจะมีการส่งเสริมไปถึงการกินอาหารให้ถูกต้อง รวมทั้งการกินอาหารเสริมที่พอเหมาะในการที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรค (Preventive Medicine)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น